เป็นที่ทราบกันดีว่า การเรียนรู้ด้านภาษานั้น มีหลากหลายด้าน ทั้งการพูด การอ่าน การเขียน และการฟัง ซึ่งทักษะการฟังถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเราฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องและเข้าใจ นั่นหมายความว่าคุณก็จะสามารถสื่อสารกับคู่สนทนาหรือชาวต่างชาติได้ ถูกต้องไหมคะ บทความนี้แอดมินจึงขอพูดถึง “ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ” เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษของเพื่อน ๆ น้อง ๆ ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ มีความสำคัญอย่างไร?
การฝึกภาษาอังกฤษด้วยการฟังนั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะการฟังจะช่วยให้คุณเข้าใจและสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งมีเหตุผลมากมายที่ควรให้ความสำคัญต่อการฝึกภาษาอังกฤษด้วยการฟังเพราะจะเป็นส่วนช่วยในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่
1. สามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้อง เพราะการฟังจะช่วยให้คุณได้ยินการออกเสียง สำเนียงของเจ้าของภาษาโดยตรง หากฟังบ่อย ๆ คุณจะเข้าใจได้ว่า คำศัพท์แต่ละคำออกเสียงอย่างไร หรือต้องใช้สำเนียงอย่างไร
2. เพิ่มคลังคำศัพท์ การฟังเนื้อหาภาษาอังกฤษที่หลากหลายจะช่วยให้คุณได้พบคำศัพท์ใหม่ ๆ และนั่นจะทำให้คุณได้เพิ่มคลังคำศัพท์ที่มีมากยิ่งขึ้น
3. เข้าใจบริบทและระดับของภาษา หากคุณฝึกการฟังภาษาอังกฤษจากหนัง หรือพอดแคสต์บ่อย ๆ คุณจะเข้าใจระดับของภาษาและเข้าใจว่าจะต้องใช้ในบริบทใดให้สามารถสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
4. ช่วยให้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อคุณเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูด ก็จะช่วยให้คุณสามารถโต้ตอบบทสนทนาได้อย่างไหลลื่น และยังช่วยให้คุณเพิ่มทักษะการพูดได้อีกด้วย
5. เพิ่มความมั่นใจ การฟังบ่อย ๆ และเข้าใจเนื้อหาจะช่วยให้คุณมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น ใช้สำเนียงได้เป๊ะเสมือนเป็นเจ้าของภาษาจากการฝึกฝนด้านการฟังเป็นประจำ
แนะนำ 5 วิธีการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากการฟัง
หากใครอยากฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง มาดูเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษด้วยการฟังกันบ้างค่ะ ว่าทำอย่างไรให้ได้ผล แอดมินนำมาฝาก 5 วิธีด้วยกันค่ะ
1. ฝึกฟังภาษาอังกฤษ จากสื่อที่มีคุณภาพ ลองฝึกการฟังพอดแคสต์และวิทยุต่างประเทศ ทั้งจาก Youtube หรือแอปพลิเคชัน Spotify อาจจะเป็นข่าวรอบโลก นิทาน เรื่องเล่ารอบตัว เรื่องสั้น หรือช่องเรียนภาษาอังกฤษโดยตรงเลยก็ได้เช่นกัน
- ข่าวรอบโลก “Global News Podcast” จากช่อง BBC World Service
- เรื่องสั้น ฟังเพลิน “Easy Stories in English” จากช่อง Ariel Goodbody
- นิทานสำหรับเด็ก “Sleep Tight Stories – Bedtime Stories for Kids” จากช่อง Sleep Tight Media
- เรียนรู้ภาษาอังกฤษ “Learn English With Song By Patchari” จากช่อง thinkradio
- ฝึกไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ “Grammar Girl Quick and Dirty Tips for Better Writing” จากช่อง QuickAndDirtyTips.com
2. ฝึกฟังภาษาอังกฤษ จากเพลง หากคุณมีเพลงสากลที่ชอบฟังยามว่าง หรือตอนทำงาน เพลงสากลคือตัวช่วยการฝึกภาษาอังกฤษที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่งเลย อันดับแรกลองเลือกฝึกจากเพลงโปรด เพราะมันจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลง จากนั้นลองหาความหมายของเนื้อเพลงดูนะคะ
3. ฝึกฟังภาษาอังกฤษ จากสื่อออนไลน์ หลาย ๆ คนคงจะชอบดู Youtuber ชาวต่างชาติกันบ้างใช่ไหมคะ ซึ่งคุณสามารถเลือกช่อง Youtube ที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินอย่างช่องรีวิว รีแอกชัน หรือจะเป็นช่องที่ให้สาระความรู้อย่าง TED Talks ก็ได้เช่นกันค่ะ
4. ฝึกฟังภาษาอังกฤษ จากแอปพลิเคชันเรียนภาษา ปัจจุบันนี้มีผู้พัฒนาจำนวนมากที่พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับเรียนภาษาให้เราได้ใช้ ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน ถือเป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะ เพราะในแอปพลิเคชันนั้นส่วนใหญ่แล้วก็มีทั้งฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน และยังมีแบบทดสอบให้วัดความรู้กันด้วย เรียกว่าครบครันมาก ๆ ไปลองกันดูนะคะ เช่น
- Duolingo
- English hello-hello
- Memrise
- Busuu
- Rosetta Stone
- Pimsleur
5. ฝึกฟังภาษาอังกฤษ จากเจ้าของภาษา ในส่วนนี้มาลองฟังเจ้าของภาษากันบ้างค่ะ ซึ่งก็จะมีทั้งสำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน อังกฤษแบบบริติช หรืออังกฤษแบบออสเตรเลีย เพื่อให้เข้าใจถึงข้อแตกต่าง การออกเสียงสำเนียงเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง โดยเข้าร่วมการสนทนาออนไลน์ หรือหาเพื่อนชาวต่างชาติ หรือจะเป็นการเปิดฟังคลิปจากที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ
6 วิธีการฝึกฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีที่สุด
ต่อไปจะมาพูดถึงวิธีการฝึกฟังให้ได้ผลดีที่สุดกันบ้างค่ะ ว่าจะต้องทำอย่างไรจาก 5 วิธีการฝึกด้วยตัวเองที่กล่าวมาข้างต้น มีเทคนิคหรือวิธีอะไรบ้าง ที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด นำไปใช้แล้วเก่งภาษาอังกฤษอย่างแน่นอน
1. ฟังซ้ำและทบทวนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาได้อย่างถ่องแท้ ต้องฟังเนื้อหาเดิมซ้ำ ๆ หลายครั้งเพื่อเพิ่มความเข้าใจและจดจำคำศัพท์และโครงสร้างประโยค หลังจากนั้นให้ทบทวนเนื้อหาด้วยการจดบันทึกคำศัพท์ที่ได้จากการฟังเนื้อหานั้น ๆ เพื่อนำมาทบทวนในภายหลังด้วยนะคะ
2. ฟังเนื้อหาที่หลากหลาย การฟังเนื้อหาที่หลากหลาย จะทำให้คุณไม่รู้สึกว่าการฝึกภาษานั้นน่าเบื่อ และยังจะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ให้คุณได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ได้อีกด้วย ลองเปลี่ยนจากฟังแค่เพลง มาเริ่มฝึกฟังนิทานภาษาอังกฤษ พอดแคสต์ วิทยุ ข่าว เป็นต้น
3. ฟังเนื้อหาเกี่ยวกับบทสนทนา การฟังเนื้อหาที่มีบทสนทนา การโต้ตอบ จะช่วยให้คุณเพิ่มทักษะการเรียนรู้และสามารถโต้ตอบกับคู่สนทนาตามบริบทหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
4. ใช้เทคนิคการฟังแบบจับใจความ การฟังแบบจับใจความจะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาสำคัญได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น จะช่วยให้คุณผ่านการทดสอบด้านการฟังได้ด้วยนะ
5. ตั้งเป้าหมายและวัดผล แน่นอนว่าการฝึกภาษาอังกฤษ จะต้องมีเป้าหมายที่เราวางไว้ ลองมาตั้งเป้าหมายจากใหญ่มาเล็กเพื่อให้ได้ปฏิบัติตามได้ เช่น จะต้องเก่งภาษาอังกฤษภายใน 3 เดือน และจะต้องท่องคำศัพท์วันละ 10 คำ ฟังพอดแคสต์วันละ 30 นาที หรือดูหนังภาษาอังกฤษ 2 เรื่องต่อสัปดาห์ เป็นต้น จากนั้นมาวัดผลด้วยแบบทดสอบออนไลน์ หรือแบบทดสอบในแอปพลิเคชัน
6. ทำให้เป็นกิจวัตร การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้คุณไปถึงฝันได้เร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการลงมือปฏิบัติด้วยเช่นกันค่ะ ทำทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ และทำอย่างสม่ำเสมอให้เป็นกิจวัตรประจำวันไปเลย การสร้างนิสัยให้เป็นกิจวัตรแบบนี้จะช่วยให้ทักษะการฟังของคุณพัฒนาอย่างต่อเนื่องแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้การฝึกภาษาอังกฤษด้วยการฟัง จะเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงคลิปเสียงโดยเจ้าของภาษาโดยตรง แต่การฝึกด้วยความสนุก ผ่อนคลาย นั้นย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า หากกดดันตัวเองมากเกินไปอาจจะทำให้เครียด และทำให้ขยาดด้านการเรียนไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว มาเรียนภาษาอังกฤษให้มีความสุขกันนะคะ ฟังเสียงจากเพลง หนัง ซีรีส์ หรือพอดแคสต์ เพื่อความเพลิดเพลินกันนะคะ